พุทธธรรมเป็นหนังสือเล่มแรกที่ทำให้คนที่รู้จักพุทธแบบงูๆปลาๆ อย่างผม
เข้าใจแก่นสารของปรัชญาแบบพุทธมากขึ้น
และยังช่วยเพิ่มความเข้าใจการสอนในแบบของสามนิกายซึ่งมุ่งไปสู่หลักความจริงเดียวกันมากขึ้นด้วย
(พระพุทธเจ้าแยกการสอนเป็นสามแบบ เพื่อให้เหมาะกับคนแต่ละประเภท)
ความยอดเยี่ยมของหนังสือเล่มนี้คือ
พระพรหมคุณาพภรณ์ ท่านเขียนเรียบเรียงให้อ่านง่าย เปรียบเทียบให้จับต้องได้
มีคำแปลที่ชัดเจนว่าแก่นสารของแต่ละเรื่องต้องการสอนอะไร
ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือการอธิบายเรื่อง ปฏิจสมุปบาท หรือวงจรของปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้เกิดทุกข์
ทั้งแบบนิโรธวาร และ สมุทัยวาร
(อย่าเพิ่งตั้งแง่ว่ายากนะครับ แก่นสารของมันง่ายมาก แค่มีรายละเอียดนิดหน่อย)
แบบเถรวาทที่เราคุ้นเคย จะเน้นไปที่การดับปัจจัยต่างๆเพื่อนำไปสู่การดับทุกข์ ซึ่งเป็นการย้อนวงจรการเกิดทุกข์ (ซึ่งก็คือนิโรธวาร)
แบบตันตระวชิรญาณในฑิเบต และภูฏาน (ตันตระแปลว่าต่อเนื่อง) จะเน้นไปที่การเข้าใจและข้ามผ่านกิเลส เพื่อดับทุกข์ ซึ่งเป็นการหมุนตามวงจรการเกิดทุกข์จนจบเพื่อให้เกิดเป็นวงจรใหม่ เห็นสุขในทุกข์ เห็นพุทธในกิเลส ดับทุกข์ด้วยยถาญานทัสสนะ คือรู้เห็นอย่างที่มันเป็น (ซึ่งก็คือสมุทัยวาร)
แบบมหาญาณในจีนและญี่ปุ่น จะเน้นไปที่ความจริงของปฏิจสมุปบาทในสรรพสิ่ง ชักชวนให้มองไปที่ความจริง โดยละทิ้งกรอบดีชั่วในสมองของแต่ละคน ซึ่งอาจจริงหรือไม่จริงก็ได้ โดยถือว่าความจริงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการพูด
จะเห็นว่าเมื่อเราเข้าใจ นิโรธวาร และ สมุทัยวาร ก็พลอยทำให้เราเข้าใจวิธีการสอนทั้งสามแบบไปด้วย
และยังช่วยตอบคำถามว่าทำไมพระนิกายอื่นถึงไม่ห้ามการแต่งงาน? ไม่ห้ามการเสพกิเลส?
ความจริงที่พระพุทธเจ้าสอน เป็นสิ่งเดียวกับกรอบความจริงที่เรายึดมั่นถือมั่น (อุปาทาน) หรือไม่?
สำคัญที่สุดคือทำให้เราเข้าใจว่าจริงๆแล้ว พระพุทธเจ้าที่เรายึดถือเป็นครูคนหนึ่งอุทิศตนเพื่อสอนอะไรกันแน่
ไม่น่าเชื่อว่าหนังสือดีแบบนี้ราคาเท่ากับซูชิสองคำเท่านั้น
นอกจากนั้นสำหรับใครที่เป็นแฟนหวงอี้ผมรับรองเลยว่า
ถ้าอ่านเล่มนี้แล้วกลับไปอ่านมังกรคู่ฯ หรือเทพมารฯจะมันส์ขึ้นเป็นกองเลยครับ ;)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น